บันทึกการเรียนครั้งที่ 2
วันพุธ ที่ 24 เมษายน 2561
เวลา 08.30-11.30 น.
_________________________________
ความหมายของการบริหารการศึกษา(Education Administration)
"การบริหารการศึกษา" แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา
หลักการ/แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา
การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ (Science and arts)
ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา
ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)
1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
2. มีการวางแผนการทำงาน
ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint)
- “การบริหาร” คือ การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้
- “การศึกษา” คือ การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี


1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่
การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ (Science and arts)
- เป็น ศาสตร์ เพราะ มีหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏีที่เชื่อถือได้ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาสาสตร์
- เป็น ศิลป์ เพราะต้องทำงานกับคน ต้องเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ต้องฝึกให้ชำนาญ จึงต้องประยุกต์ใช้อย่างมีศิลป์
ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา
ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)
- การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์
1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
2. มีการวางแผนการทำงาน
3. คัดเลือกคนทำงาน
4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ
- การจัดการเชิงบริหาร
- Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
- Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ
- Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ
- การบริหารแบบราชการ
1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
2. ความไม่เป็นส่วนตัว
3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
7. ความเป็นเหตุเป็นผล
2. ความไม่เป็นส่วนตัว
3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
7. ความเป็นเหตุเป็นผล
- ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก
- Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีส่วนร่วม
- การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น
- ในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง สรุปข้อค้นพบว่า
- เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว
- กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ
- ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์
- Douglas McGregor : แมคเกรเกอร์
- ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบ
- ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน
- ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน
- หลักพฤติกรรมศาสตร์
- การบริหารศาสตร์
- การบริหารปฏิบัติการ
- กำหนดตารางการทำงาน
- วางแผนการผลิต
- การออกแบบอาคารสถานที่ การประกันคุณภาพ
- การวิเคราะห์รายการ ตัวแบบเครือข่ายการทำงาน การวางแผน และควบคุมโครงการ
- ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
- ทฤษฏีเชิงระบบ
- ระบบเปิดและระบบปิดไม่ได้แยกออกจากกัน มีลักษณะอยู่ 9 ประการ
- มีปัจจัยป้อนเข้าจากภายนอก
- มีกระบวนการที่ก่อให้เกิดผลผลิต
- ปัจจัยป้อนออกเป็นผลผลิตหรือบริการ
- มีวงจรต่อเนื่อง
- มีการต่อต้านแนวโน้มสู่ความเสื่อมของระบบ
- ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับตัว
- มีแนวโน้มสู่ความสมดุล
- มีแนวโน้มสู่คามซับซ้อน
- มีหลายเส้นทางเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย
- ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์
- ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่

สามารถนำหลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษาไปปรับใช้ได้จริงในการทำงานในอนาคต เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นถึงข้อแตกต่างของระบบราชการได้ชัดขึ้น
- ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียน จดบันทึกตามที่อาจารย์สอน
- ประเมินเพื่อน เพื่อนๆให้ความสนใจในเนื้อหาที่เรียน สอบถาม
- ประเมินครูผู้สอน อธิบายฟังเข้าใจง่าย มีการยกตัวอย่างให้เสมอ